จำหน่าย เคมีนำเข้า สำหรับระบบ Boiler, Chiller และระบบ Cooling Tower คุณภาพเยี่ยมราคาถูกดังต่อไปนี้
ผลิตภัณฑ์สำหรับหม้อไอน้ำ(Boiler)
KA ? 222 เคมีกำจัดตะกรันและสนิมเหล็ก
ในระบบที่มีการถ่ายเทความร้อน (HEAT EXCHANGER) เมื่อใช้งานไปนาน ๆ จะมีปัญหาตะกรันจับติดที่ผิวแลกเปลี่ยนความร้อนซึ่งเป็นสาเหตุให้ประสิทธิภาพของเครื่องจักรลดลง ทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย และอาจทำความเสียหายแก่อุปกรณ์ได้
การกำจัดตะกรันและสนิมเหล็กโดยวิธีเคาะหรือขูดออก อาจทำลายเครื่องจักร มีวิธีการที่ง่ายและ สะดวกกว่า คือ การใช้น้ำยาล้างตะกรันและสนิมเหล็ก KA - 222 แก้ปัญหาดังกล่าวได้ผลดีเยี่ยม การทำวานของ KA - 222 สามารถละลายตะกรันและสนิมเหล็กทุกชนิด (ยกเว้นพวกไขมัน และน้ำมัน) ทำให้ตะกรันและสนิมเหล็กถูกกำจัดออกได้โดยง่าย, มีส่วนผสมของน้ำยาป้องกันการสึกกร่อน และเป็นสนิมของผิวโลหะ จึงทำให้การทำงานของน้ำยาได้ผลดีเต็มที่ โดยไม่เป็นอันตรายต่อผิวโลหะเลย
การใช้งาน ใช้กับคอนเดนเซอร์ คูลลิ่ง ทาวเวอร์, หม้อไอน้ำ และ Heat exchangers
วิธีใช้ เตรียมสารละลาย 20-30% ของ KA - 222 ให้สารละลายไหลวนในเครื่องที่จะล้างเป็นเวลา 4-6 ชั่วโมง ปล่อยน้ำยาทิ้ง ล้างให้สะอาดด้วยน้ำ
หมายเหตุ ส่วนของเครื่องที่ไม่สามารถให้น้ำยาไหลลงได้ ให้ถอดแล้วแช่ลงในน้ำยาเป็นเวลา 8-10 ชั่วโมง โดยวิธีนี้ควรจะกวนสารละลายทุก 2 ชั่วโมง
KB ? 111 สารเคมีป้องกันและกำจัดตะกรันในหม้อน้ำ
การใช้งาน สารเคมี KB - 111 เป็นสารเคมีประเภทฟอสเฟตที่ผสมพร้อมใช้งาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการป้องกันการเกิดตะกรัน บนผิวถ่ายเทความร้อนของหม้อน้ำ ทั้งชนิดหลอดน้ำและท่อไฟ (WATER TUBE & FIRE TUBE BOILER) ที่มีความดันต่ำ ๆ ไปจนถึงหม้อน้ำความดันสูง, การใช้สารเคมี KB - 111 มีข้อดีหลายประการ ดังต่อไปนี้
- สามารถทำปฏิกิริยารวมตัวกับความกระด้างในน้ำ โดยเฉพาะพวกหินปูนซึ่งปะปนมากับน้ำป้อนหม้อน้ำและจะก่อตะกรันที่ผิวถ่ายเทความร้อน ปฏิกิริยาของสารเคมี KB - 111 เป็นปฏิกิริยารวมตัวกับความกระด้างกลายเป็นตะกอนอยู่ในน้ำ และระบายออกทิ้งทาง BLOWDOWN ได้ง่าย ไม่เกาะติดผิวหม้อน้ำ
- สามารถปรับสภาพความเป็นกรด - ด่าง (pH) ของน้ำหม้อน้ำให้พอเหมาะไม่ต่ำหรือสูงเกินไป ทำให้ลดปัญหาการกัดกร่อนเนื้อเหล็กได้ ดี และยังสามารถรักษาค่า pH ให้คงที่อยู่ได้เนื่องจากสารเคมี KB - 111 มีคุณสมบัติเป็น pH - BUFFER ที่ดี
- สามารถลดปริมาณ ซิลิก้าในน้ำ หม้อน้ำได้โดยการทำให้ ซิลิก้า รวมตัวกับความกระด้าง แมกนีเซียม เมื่อสารเคมี KB - 111 100 ปรับ pH ได้สูงตั้งแต่ pH 11 - ขึ้นไป
- สารเคมี KB - 111 สามารถสร้างผิวป้องกันบนเนื้อเหล็ก เพื่อป้องกันการกัดกร่อน โดยการทำปฏิกิริยากับผิวเหล็กเกิดเป็นฟิล์ม
อัตราการใช้และวิธีการใช้ สารเคมี KB - 111 สามารถเติมเข้าสู่หม้อน้ำ โดยการเติมเข้าสู่หม้อน้ำโดยตรงหรือผสมกับน้ำป้อนหม้อน้ำ (โดยเฉพาะหม้อน้ำแบบท่อไฟ) วิธีการเติมสารเคมี KB - 111 เข้าสู่ระบบ สามารถใช้ได้ทั้งแบบเดิมเป็น ครั้งคราวหรือเติมแบบต่อเนื่อง อัตราการใช้สารเคมีเพื่อให้ได้ผลดีจะขึ้นกับคุณภาพน้ำป้อนหม้อน้ำ, ทั้งนี้โดยสรุปแล้วควรรักษาปริมาณสารเคมี KB - 111 ส่วนที่เหลือภายหลังจากปฏิกิริยากับความกระด้างแล้วประมาณ 50 ส่วนในล้านส่วนเป็นอย่างน้อย
KB-888 สารเคมีกำจัดและป้องกันการเกิดสนิมในระบบหม้อไอน้ำ
การใช้งาน สารเคมี KB - 888 เป็นสารเคมีที่ผสมขึ้นมาจาก สารเคมีพื้นฐานจำพวก ไฮดราซีน ซึ่งมีตัวเร่งปฏิกิริยากำจัดออกซิเจน และสารเคมีปรับสภาพความเป็นกรด - ด่าง ซึ่งระเหยได้จำพวก ?อามีน? สามารถใช้ในการป้องกันการกัดกร่อนและสนิมแดงในระบบน้ำป้อนหม้อไอน้ำทั้งชนิดความดันต่ำไปจนถึง หม้อไอน้ำความดันสูง โดยมีข้อดีของการใช้งาน ดังต่อไปนี้.-
- สามารถทำปฏิกิริยากำจัดออกซิเจน (ซึ่งเป็นตัวการก่อสนิม) ได้อย่างรวดเร็วทั้งที่อุณหภูมิปกติ และที่อุณหภูมิสูง ทำให้สามารถลดการกัดกร่อนโลหะได้ดี
- ช่วยเสริมสร้างและรักษาสภาพ ?ผิวคุ้มกัน? ที่เรียบและสม่ำเสมอ จำพวกแมกเนไตต์ บนผิวโลหะในระบบน้ำป้อนหม้อน้ำ และผิวในหม้อน้ำ
- ไม่ก่อนสารละลายน้ำ หรือเพิ่มแร่ธาตุในน้ำหม้อน้ำ ทำให้ไม่ต้องเพิ่มการ BLOWDOWN (ผลิตผลจากปฏิกิริยาเคมี คือ น้ำ และ ก๊าซไนโตรเจน)
- สารเคมีที่เกิดจากการสลายตัวเองของ ไฮดราซีน ได้แก่ แอมโมเนีย จะรวมกันกับสารเคมีปรับสภาพความเป็นกรด - ด่าง สามารถระเหยไปกับไอน้ำ และจะช่วยปรับ pH ของไอน้ำควบแน่นให้เหมาะสม
วิธีใช้งานและปริมาณการใช้ สารเคมี KB - 888 ควรเติมเข้าสู่ระบบโดยใช้ปั๊มสูบสารเคมี เข้าสู่ระบบน้ำป้อนหม้อน้ำ หรือ โดยตรง สู่หม้อน้ำอย่างต่อเนื่องหรือสามารถผสมกันกับสารเคมี KB - 888 (สารเคมีหม้อน้ำ) แล้วสูบป้อนเข้าสู่หม้อไอน้ำ แบบท่อไฟโดยตรงก็ได้ ปริมาณการใช้สารเคมี KB - 888 จะขึ้นอยู่กับปริมาณออกซิเจนในน้ำป้อนหม้อน้ำเป็นหลัก ซึ่งขึ้นกับ ลักษณะของการออกแบบทางวิศวกรรมของแต่ละโรงงาน ซึ่งผู้แทนฝ่ายเทคนิคของบริษัท ฯ จะสามารถแนะนำการใช้งานที่เหมาะสมตามลักษณะโรงงาน
KB - 888 F สารเคมีป้องกัน และกำจัด สนิมในระบบหม้อไอน้ำ
การใช้งาน KB - 888 F เป็นสารเคมีที่ใช้ในการป้องกันการเกิดสนิมในหม้อน้ำอันเนื่องจาก ออกซิเจนในน้ำป้อน หม้อน้ำ โดยการทำปฏิกิริยารวมตัวกับก๊าซออกซิเจนและคงสภาพเป็นสารละลายน้ำ อยู่ในหม้อน้ำสามารถใช้ได้ดีกับระบบผลิตไอน้ำที่ใช้ไอน้ำในขบวนการผลิตอาหาร การย้อมสีที่ใช้ระบบไอน้ำอบ เพื่อออกซิไดซ์ให้สีคงตัวและขบวนการใช้ไอน้ำอื่น ๆ ที่ต้องการไอน้ำซึ่งปราศจากไอสารเคมีปนเปื้อน เช่น ไอแอมโมเนีย ไฮดราซีน เป็นต้น เนื่องจากสารเคมี KB - 888 F รวมทั้งผลิตผลที่เกิดจากปฏิกิริยาเคมีของ
KB - 888 F คงสภาพเป็นสารละลายน้ำอยู่ในหม้อน้ำ และจะระบายออกทิ้งด้วยการ BLOW DOWN สารเคมีไม่สามารถระเหยปะปนไปกับ ไอน้ำได้ จึงสามารถใช้ในขบวนการผลิตไอน้ำดังกล่าวข้างต้นได้โดยปลอดภัย (เอกสารอ้างอิงการปรับสภาพน้ำในอุตสาหกรรมและหม้อไอน้ำหน้า 343 ของ ณรงค์ จุทรเสถียร สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยีไทย - ญี่ปุ่น 2529
วิธีการใช้ KB - 888 F ควรเติมสู่ระบบน้ำป้อนหม้อน้ำเพื่อกำจัด ออกซิเจนในระบบป้อนหม้อน้ำ ตลอดจนถึงหม้อน้ำ มิให้เกิดสนิมแดง และควรรักษาปริมาณความเข้มข้นไว้ในหม้อน้ำประมาณ 20 - 60 ส่วนในล้านส่วนตลอดเวลาขณะใช้งานหม้อน้ำ ในกรณีหยุดเดินเครื่องหม้อน้ำ และขณะเริ่มใช้งานหม้อน้ำ ควรเพิ่มความเข้มข้นของ KB - 888 F ไม่ต่ำกว่า 100 ส่วนในล้านส่วน (หรือใช้สารเคมี 0.1 - 0.5 กิโลกรัม ต่อปริมาณความจุหม้อน้ำ 1 ตัน)
KB ? 333 สารปรับปรุงการเผาไหม้เชื้อเพลิง (หัวเชื้อน้ำมันเตา)
การใช้งาน KB ? 333 เป็นส่วนผสมของสารประกอบประเภทอินทรีย์ที่มีโลหะเป็นองค์ประกอบเพื่อใช้ปรับสภาพการเผาไม้ของเชื้อเพลิง โดยเป็นตัวช่วยเร่งการเผาไหม้ เป็นผลให้สามารถ ลด SLAGGING อุณหภูมิ ก๊าซที่ปล่อยไปลดลง และเพิ่มประสิทธิภาพของเชื้อเพลิง, เตาสะอาด, ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในก๊าซเผาไหม้สูงขึ้น ปรับปรุงสภาพควันจากปล่องไฟ และลดการกัดกร่อนของระบบเผาไหม้ อันเนื่องมาจากธาตุวานาเดี้ยม ในน้ำมัน การใช้ KB - 333 สามารถให้ผลตอบแทนคุ้มค่า ในด้านการเดินเครื่องหม้อน้ำการเผาไหม้เชื้อเพลิงอย่างคุ้มค่า และลดค่าใช้จ่าย ด้านการบำรุงรักษา และการทำความสะอาดเตา
วิธีการใช้ KB - 333 สามารถใช้โดยฉีดเข้าผสมกับน้ำมัน หรือ ผสมที่ถังใช้งาน (DAY TANK OR STORAGE TANK) ปริมาณการใช้ควรพิจารณา ตามความหนัก - เบา ของปัญหาที่เตาเผาไหม้ อันเนื่องมาจากคุณภาพน้ำมัน โดยปกติจะอยู่ในช่วง 1 ลิตร ต่อ น้ำมัน 2,000 - 3,000 ลิตร การใช้ในช่วงแรกควรใช้ในอัตราส่วนสูงกว่าปกติสักระยะหนึ่ง ตามข้อแนะนำจากตัวแทนจำหน่าย
ผลิตภัณฑ์สำหรับ Cooling Tower และ Chiller
KC ? 222 สารเคมีป้องกันและกำจัดตะกรันและการกัดกร่อน(คูลลิ่ง)แบบเปิด
การใช้งาน สารเคมี KC - 222 เป็นสารเคมีที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้ในการป้องกันการเกิดตะกรัน และการกัดกร่อนในระบบหล่อเย็น
หมุนเวียนแบบเปิด (OPEN RECIRCULATING COOLING SYSTEM) ซึ่งมักก่อปัญหาบนผิว ถ่ายเทความร้อนของระบบ โดยมีส่วนผสมหลักเป็นสารเคมีในตระกูลโพลีฟอสเฟต, ฟอสโฟเนต และอะครีลิค โคโพลีเมอร์ ในอัตราส่วนผสมที่พอเหมาะ ซึ่งอาศัยโพลีเมอร์เทคโนโลยี และวิชาการปรับคุณภาพน้ำโดยสารเคมีล่าสุด
ข้อได้เปรียบของสารเคมี
- สามารถป้องกันการเกิดตะกรันของแร่ธาตุจำพวกหินปูน แคลเซียมและแมกนีเซี่ยม อย่างได้ผลทำให้สามารถรักษาสมรรถนะของเครื่องจักรให้อยู่ในเกณฑ์ที่สูงโดยตลอด
- สามารถลดการกัดกร่อนของโลหะต่าง ๆ ในระบบน้ำหล่อเย็น ไม่ว่าจะเป็นเหล็กกล้า เหล็กหล่อ ทองเหลือง ทองแดง
- สามารถใช้งานได้ดีแม้ในระบบที่มีอุณหภูมิน้ำหล่อเย็นค่อนข้างสูง
- สามารถใช้งานร่วมกับสารกำจัดตะไคร่ แบคทีเรียทั่วไป
- ไม่ก่อปัญหามลภาวะ เนื่องจากไม่มีส่วนประกอบโลหะหนัก
วิธีการใช้ สารเคมี KC - 222 ควรเติมสู่ระบบหล่อเย็น ณ จุดที่มีการผสมผสานกับน้ำหล่อเย็นได้อย่างรวดเร็ว เช่น บริเวณทางดูดของปั๊มน้ำหล่อเย็น โดยการเติมอย่างต่อเนื่องจากเครื่องสูบสารเคมี หรือเทผสมเป็นครั้งคราว เพื่อรักษาความเข้มข้นของสารเคมี KC - 222 ในน้ำหล่อเย็นประมาณ 60 - 100 ส่วนในล้านส่วน (60 - 100 กรัม/น้ำ 1 ลบ.ม.) พร้อมทั้งพยายามควบคุมคุณภาพน้ำหล่อเย็นให้พอเหมาะโดยเพิ่มหรือลด BLOW DOWN เพื่อให้สารเคมี KC - 222 ทำงานอย่างได้ผลมากที่สุด (ควรรักษาความกระด้างของน้ำหล่อเย็นให้มีค่าประมาณ 300 ppm หรือตามที่ตัวแทน KC - 222 แนะนำ)
KC ? 666 สารฆ่าเชื้อแบคทีเรีย - ตะไคร่น้ำ(คูลลิ่ง)
การใช้งาน KC - 666 เป็นสารละลายประเภท อัลดีไฮด์ ซึ่งไม่ก่อให้เกิดสนิมกับโลหะทุกชนิด (NON-OXIDISING) สามารถใช้ในการควบคุม แบคทีเรีย, เมือก, และตะไคร่น้ำในระบบหล่อเย็น หอระบายความร้อน ระบบชำระอากาศ (AIR WASHERS) รวมทั้งระบบหมุนเวียนน้ำแบบอื่น ๆ การใช้ KC - 666 ยังมีข้อได้เปรียบอื่น ๆ หลายประการ ดังนี้ :-
- สามารถ ชะล้างเมือก - ตะไคร่ ที่เกาะอยู่ให้หลุดออก และยับยั้งมิให้เกิดขึ้นใหม่
- สามารถ ฆ่าเชื้อได้หลายชนิดทั้งที่ ลอยน้ำ จมอยู่ใต้น้ำ รวมทั้งตะไคร่น้ำ
- ใช้งานร่วมกับสารยับยั้งการกัดกร่อนและตะกรันเกือบทุกชนิด
- ลดปริมาณจุลินทรีย์ที่พอกอยู่ และจุลินทรีย์สร้างก๊าซไข่เน่า ซึ่งเป็นตัวการของการกัดกร่อน กลิ่นเน่าเหม็น และทำให้ การถ่ายเทความร้อนลดลง
- ใช้ได้ผลในช่วง pH กว้าง และในช่วงอุณหภูมิค่อนข้างสูง
- มีผลดีกว่าการใช้คลอรีน เนื่องจากไม่ก่อให้เกิดการกัดกร่อนและสนิม โดยเฉพาะระบบที่มี โลหะทองแดง
อัตราการใช้และวิธีการใช้ KC - 666 สามารถใช้ได้ดีกับระบบหล่อเย็นหมุนเวียนแบบเปิดและระบบน้ำอื่น ๆ เช่น AIR WASHERS โดยปราศจากผล ข้างเคียง (เช่น กลิ่นของสารเคมี) เนื่องจาก KC - 666 มีความดันไอต่ำ ระเหยยาก วิธีการผสม สามารถใช้แบบเป็นครั้งคราว หรือแบบต่อเนื่องตามปริมาณความเข้มข้นดังนี้
แบบครั้งคราวสัปดาห์ละครั้ง แบบต่อเนื่องทุกวัน
การใช้เริ่มต้น 0.3 ถึง 0.5 กก./น้ำ 1 ตัน 0.3 -0.5 กก./น้ำ 1 ตัน
การใช้คราวต่อไป 0.1 ถึง 0.3 กก./น้ำ 1 ตัน 0.05 -0.15 กก./น้ำ 1 ตัน
การทดลองผลการใช้งาน ควรวัดผลจากการใช้ในระบบจริง ที่อาจเกิดการพอกพูนของรา - ตะไคร่ มากกว่าการวัดผลในห้องปฏิบัติการ เนื่องจากตัวยาของ KC - 666 จะทำปฏิกิริยากับโปรตีนและแอมโมเนีย ในอาหารเลี้ยงทดลอง และให้ผลคลาดเคลื่อน
KC ? 333 สารป้องกันการกัดกร่อน(ชิลเลอร์)แบบปิด
หลักการใช้ KC ? 333 เป็นส่วนผสมของสารป้องกันการกัดกร่อนทั้งชนิดสารอินทรีย์ และสารอนินทรีย์หลายชนิดช่วยป้องกันการกัดกร่อนในระบบหล่อเย็น (โดยเฉพาะระบบหล่อเย็นหมุนเวียนแบบปิด) โดยการสร้างผิวคุ้มภัย (PROTECTIVE FILM) จำนวนอ๊อกไซด์แม่เหล็ก หรือ อ๊อกไซด์ของโลหะชนิดอื่น ๆ ที่มีความคงตัวปกคลุมบนผิวโลหะในระบบ รวมทั้งป้องกันการกัดกร่อนแบบขั้วโลหะต่างศักย์ ของระบบที่ออกแบบใช้โลหะหลายชนิด นอกจากนี้ KC - 333 ยังมีสารช่วยกระจายตะกอนและสนิมที่สะสมบริเวณผิวโลหะรวมอยู่ด้วย การกระจายตะกอนและสนิมเหล่านี้จะช่วยลดการกัดกร่อนใต้ผิวสนิมซึ่งอาจเป็นต้นเหตุเกิดการลุกลามสร้างความเสียหายอย่างหนักแก่ระบบหล่อเย็น
จากผลของปฏิกิริยาของ KC ? 333 ดังกล่าวจะยังผลให้สามารถรักษาสภาพการถ่ายเทความร้อนที่ดีมีประสิทธิภาพเป็นการลดค่าใช้จ่ายทั้งในกระบวนการผลิตและการบำรุงรักษา รวมทั้งรักษาความพร้อมของเครื่องจักรและโรงงานโดยรวม
อัตราการใช้ ระบบหมุนเวียนแบบปิด (CHILLER UNIT) อัตราการใช้ช่วงเริ่มต้น ควรเพิ่มความเข้มข้นของ KC ? 333 ในระบบให้เพียงพอต่อการป้องกันการกัดกร่อนโดยเติม KC ? 333 ในอัตรา 20-25 กิโลกรัมต่อปริมาณน้ำระบบ 1 ตัน หลังจากนั้นการเติม KC ? 333 จะต้องการเพียงเพื่อรักษาความเข้มข้นของ KC ? 333 ให้อยู่ในระดับความเข้มข้นเริ่มต้นและโดยเหตุที่ระบบหล่อเย็นแบบปิดนี้ โดยทั่ว ๆ ไป จะเติมน้ำเข้าสู่ระบบเพื่อชดเชยการสูญเสียเพียงเล็กน้อย การเจือจางของสารเคมีจึงน้อยตามไปด้วย ฉะนั้นปริมาณการใช้ KC ? 333 ในคราวต่อไปจึงไม่สิ้นเปลืองมากนัก
ระบบหล่อเย็นหมุนเวียนแบบปิด (COOLING TOWER) KC ? 333 สามารถใช้งานร่วมกับสารป้องกันการกัดกร่อนชนิดอื่น ๆ เช่น สารประกอบฟอสเฟต ฟอสโฟเนต เป็นต้น เพื่อสร้างผิวป้องกันร่วมกันทั้งนี้จะต้องเป็นระบบหล่อเย็นที่มีคุณสมบัติของน้ำในระบบมีความกระด้างต่ำหรือปานกลาง อัตราการใช้ KC - 333 ควรเป็นไปตามข้อแนะนำการใช้จากตัวแทนฝ่ายเทคนิคของ KC ? 333
จำหน่ายทั้งปลีกและส่งทั่วประเทศ พร้อมมีทีมงานบริการ และให้คำปรึกษาได้โดยช่างผู้ชำนาญงาน
สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
คุณศุภกฤต
บริษัท ที ดี ? อัม จำกัด บางพลี สมุทรปราการ
มือถือ : 081-9189537, 084-9260841
E-mail : tttservice1@hotmail.com
